ภาพยนตร์ The Siege at Thorn High (2025) หรือชื่อไทยว่า เดอะ ซีจ แอท ธอร์น ไฮ ภาค 1 เป็นหนังดราม่า แอ็กชันระทึกขวัญที่ผสมผสานเรื่องราวความสัมพันธ์ของครอบครัว ความรุนแรงในโรงเรียน และการดิ้นรนเพื่อความยุติธรรม ตัวละครหลักคือ เอ็ดวิน ชายวัยกลางคนที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย แต่โชคชะตากลับผลักดันให้เขาเข้าสู่เส้นทางอันตราย เมื่อพี่น้องของเขาเสียชีวิต และทิ้ง “คำสัญญาบนเตียงมรณะ” เอาไว้
เอ็ดวินจึงต้องออกเดินทางเพื่อตามหาหลานชายที่เขาไม่เคยพบหน้า และการเดินทางครั้งนี้พาเขาไปยัง โรงเรียนมัธยมปลายดูรี จาการ์ตา โรงเรียนที่เต็มไปด้วยเยาวชนที่เคยก่ออาชญากรรม ถูกสังคมทอดทิ้ง และมีความรุนแรงซ่อนอยู่ทุกมุมกำแพง แต่เมื่อเขาค้นพบความจริง เด็กหนุ่มที่เขาตามหากลับเป็นศูนย์กลางของความขัดแย้งใหญ่ระดับเมือง นำไปสู่การจลาจลและเหตุการณ์ปิดล้อมโรงเรียนที่โหดร้ายที่สุด
หนังเปิดฉากด้วยภาพโรงพยาบาลในยามค่ำคืน เสียงฝนกระหน่ำลงมาอย่างหนัก เอ็ดวิน (พระเอก) กำลังจับมือพี่สาวที่นอนป่วยหนักบนเตียงมรณะ หญิงสาวเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา เธอสารภาพว่าครั้งหนึ่งในวัยสาวเคยตัดสินใจผิดพลาด เธอเคยทิ้งลูกชายไว้ และไม่เคยกลับไปตามหา เด็กคนนั้นเติบโตขึ้นมาโดยปราศจากความรักจากแม่ คำขอร้องสุดท้ายคือ “ช่วยตามหาลูกของฉันที” นี่คือคำสัญญาที่เปลี่ยนชีวิตเอ็ดวินไปตลอดกาล
หลังงานศพ เอ็ดวินเริ่มออกสืบหาข้อมูล เขาพบเบาะแสว่าหลานชายของเขาน่าจะอยู่ในกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ภายใต้การดูแลของสถานศึกษาที่ขึ้นชื่อว่าเป็น “คุกในคราบโรงเรียน” นั่นคือ โรงเรียนมัธยมปลายดูรี โรงเรียนแห่งนี้ไม่ได้เหมือนโรงเรียนทั่วไป แต่เป็นศูนย์รวมเยาวชนที่มีคดีความ ทั้งการปล้น ฆ่า และค้ายาเสพติด รัฐบาลจัดตั้งขึ้นเพื่อ “แก้ไข” แต่แท้จริงกลับเป็นเพียงสถานที่กักกันและปล่อยให้เด็กเหล่านี้ปกครองกันเอง เพื่อสืบหาความจริง เอ็ดวินปลอมตัวเข้ามาทำงานในโรงเรียนในฐานะ ครูสอนแทน โดยใช้วิชาชีพครูเก่าที่เขาเคยเรียนมาในอดีต
ทันทีที่เอ็ดวินก้าวเข้าสู่โรงเรียน เขารับรู้ได้ถึงบรรยากาศที่กดดันและเต็มไปด้วยความโหดร้าย เด็กนักเรียนแบ่งพรรคแบ่งพวก แต่ละกลุ่มมีหัวหน้าที่ใช้กำลังเป็นใหญ่ ครูหลายคนก็หวาดกลัวจนไม่กล้าเข้าไปยุ่ง ผู้คุมรักษาความปลอดภัยก็แค่ทำงานเช้าชามเย็นชาม เอ็ดวินได้พบกับเด็กหลายคนที่สะท้อนสังคมที่ล้มเหลว บางคนเป็นเหยื่อความรุนแรงในครอบครัว บางคนถูกบังคับเข้าสู่แก๊งค์ และบางคนก็มุ่งหน้าเส้นทางอาชญากรอย่างเต็มใจ
เมื่อเอ็ดวินเข้าสอนครั้งแรก เขาต้องเผชิญกับนักเรียนหัวโจกชื่อ ราอูล เด็กหนุ่มร่างใหญ่ ใบหน้าเต็มไปด้วยแผลเป็น ราอูลทดสอบครูใหม่ด้วยการข่มขู่และก่อกวน แต่เอ็ดวินกลับใช้ความนิ่งสงบและทักษะการเจรจา ควบคุมสถานการณ์ได้อย่างน่าประหลาด ทำให้นักเรียนหลายคนเริ่มสนใจในตัวเขา ระหว่างนั้นเอง เอ็ดวินสังเกตเห็นเด็กชายคนหนึ่งนั่งเงียบอยู่ท้ายห้อง เขาชื่อ อาดัม เด็กหนุ่มอายุ 16 ปีที่มีสายตาเศร้าและเต็มไปด้วยความโกรธเก็บกด หลังจากสืบเบื้องลึก เขาพบว่า อาดัมคือหลานชายของเขา
แม้เอ็ดวินจะพบหลานชายแล้ว แต่การเข้าไปใกล้อาดัมไม่ใช่เรื่องง่าย เด็กหนุ่มไม่เคยรู้ว่ามีครอบครัวที่แท้จริง เขาเติบโตมากับความเกลียดชัง ถูกทอดทิ้ง และถูกลากเข้าสู่กลุ่มนักเรียนหัวรุนแรง เมื่อเอ็ดวินพยายามบอกความจริง อาดัมกลับไม่เชื่อ เขามองว่าผู้ชายคนนี้ก็แค่ “ผู้ใหญ่คนหนึ่ง” ที่เข้ามาสร้างความยุ่งยากในชีวิต
ในช่วงที่เอ็ดวินพยายามเข้าถึงอาดัม ก็เกิดเหตุการณ์รุนแรงในเมืองจาการ์ตา เมื่อแก๊งค์อาชญากรรุมโจมตีสถานีตำรวจและปลุกระดมให้เยาวชนในโรงเรียนดูรีเข้าร่วมจลาจล เมืองทั้งเมืองจึงเข้าสู่ภาวะโกลาหล ขณะเดียวกัน โรงเรียนดูรีถูกปิดตายโดยกองกำลังติดอาวุธภายนอก ไม่มีใครเข้าออกได้ ครูและนักเรียนทั้งหมดถูกขังอยู่ภายใน The Siege at Thorn High จึงเริ่มต้นขึ้น
ในขณะที่สถานการณ์ตึงเครียด เอ็ดวินค่อยๆ สร้างความเชื่อใจจากอาดัม เขาเล่าเรื่องแม่ของอาดัม และคำสัญญาสุดท้ายที่ได้รับ เด็กหนุ่มเริ่มสับสน เขารู้สึกทั้งโกรธและเจ็บปวด แต่ลึกๆ ก็โหยหาความรักที่แท้จริง เอ็ดวินจึงไม่เพียงแต่ต้องเอาตัวรอดจากการปิดล้อม แต่ยังต้อง “ชิงหัวใจของหลานชาย” กลับมาจากเงื้อมมือของความรุนแรง
รูปแบบสไตล์หนังเรื่อง The Siege at Thorn High (2025) เดอะ ซีจ แอท ธอร์น ไฮ
หนังสะท้อนว่าความรักในครอบครัวสามารถผลักดันให้คนธรรมดากลายเป็นนักสู้ได้ โรงเรียนดูรีเป็นภาพจำลองของสังคมที่ล้มเหลว เมื่อเด็กถูกทอดทิ้ง พวกเขาจะสร้างโลกแห่งความรุนแรงของตัวเอง แม้สถานการณ์จะเลวร้าย แต่เอ็ดวินยังเลือกที่จะเชื่อในความดี และพยายามกอบกู้อนาคตของหลานชาย หนังที่ทั้งเข้มข้นและกินใจ ถ่ายทอดเรื่องราวการต่อสู้เอาชีวิตรอดในโรงเรียนที่เต็มไปด้วยความโหดร้าย ขณะเดียวกันก็พูดถึงสายใยครอบครัว ความหวัง และการเลือกเส้นทางชีวิตของเยาวชน
สรุปรีวิวหนัง The Siege at Thorn High (2025) เดอะ ซีจ แอท ธอร์น ไฮ
The Siege at Thorn High ภาค 1 จึงปิดท้ายด้วยคำถามมากกว่าคำตอบ อนาคตของอาดัมจะเป็นเช่นไร? เอ็ดวินจะสามารถพาหลานชายกลับสู่เส้นทางที่ถูกต้องได้หรือไม่? และเบื้องหลังการจลาจลครั้งใหญ่มีใครอยู่เบื้องหลัง? หนังจบลงด้วยภาพเอ็ดวินและอาดัมที่หนีออกมาจากซากโรงเรียนที่กำลังลุกไหม้ เมืองจาการ์ตายังคงวุ่นวาย และกองกำลังภายนอกยังไม่สามารถควบคุมได้ แต่สิ่งที่แน่นอนคือ ความสัมพันธ์ของสองลุง หลานเริ่มต้นขึ้น ด้วยโครงเรื่องที่ผสมผสานดราม่าและแอ็กชัน ทำให้หนังเรื่องนี้ไม่ใช่แค่ความบันเทิง แต่ยังสะท้อนปัญหาสังคมอย่างลึกซึ้ง เหมาะสำหรับผู้ชมที่ชอบหนังที่ทั้งตื่นเต้นและมีสาระในเวลาเดียวกัน







