Kingdom 2025 หรือคิงดอม คือภาพยนตร์แอ็กชันดราม่า สัญชาติอินเดียที่ถูกสร้างขึ้นในสเกลยิ่งใหญ่เพื่อสะท้อนความซับซ้อนของโลกใต้ดินในเอเชียใต้ โดยเลือกฉากหลักเป็นประเทศศรีลังกา อันเป็นพื้นที่ที่มีทั้งประวัติศาสตร์ความขัดแย้ง การเมืองที่สั่นคลอน และการค้ายาเสพติดที่โยงใยกับขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ เรื่องนี้พาเราเข้าสู่ชีวิตของ ซูริ (แสดงโดย วิเจย์ เทเวราคอนดา) นายตำรวจผู้ถูกส่งเข้าไปแฝงตัวในเมืองท่าแห่งหนึ่งของศรีลังกา เพื่อสืบหาต้นตอของแก๊งมาเฟียที่มีอิทธิพลล้มรัฐบาลได้ แต่แล้วเขากลับค้นพบว่าเบื้องหลังเครือข่ายนั้นมีคนที่เขาไม่อาจหลีกเลี่ยงศิวะ (แสดงโดย สัตยเทพ) พี่ชายแท้ ๆ ที่เขาเคยตัดขาดไปนานเกือบสิบปี การพบกันครั้งนี้ไม่ใช่แค่การต่อสู้ระหว่างกฎหมายกับอาชญากรรม หากแต่เป็นการต่อสู้ระหว่างสายเลือด ความผูกพัน และความจริงที่ทั้งคู่ไม่อาจหนีได้
เรื่องราวเริ่มต้นในโคลอมโบ เมืองหลวงของศรีลังกายามค่ำคืน ถนนสายหลักเต็มไปด้วยแสงไฟสว่าง แต่ในตรอกซอกซอยกลับมีการซื้อขายอาวุธและยาเสพติดอย่างโจ่งแจ้ง กล้องแพนไปยังชายคนหนึ่งที่เดินเงียบ ๆ ในตลาดมืด เขาคือ ซูริ ในคราบของ “นักเลงท้องถิ่น” ที่ไม่มีใครรู้ว่าที่แท้แล้วเขาคือเจ้าหน้าที่ตำรวจสากลที่ถูกส่งมาภายใต้ปฏิบัติการชื่อ Kingdom ซูริแสร้งทำตัวเป็นคนไร้ศีลธรรม ค้าขายของเถื่อน สร้างเครือข่ายเพื่อลอบเข้าใกล้แก๊งมาเฟียระดับสูง ช่วงนี้หนังใช้โทนภาพมืดหม่น เน้นเงาและไฟนีออนแบบนัวร์ แสดงถึงโลกที่เต็มไปด้วยความลับและการหักหลัง ระหว่างการแฝงตัว เขาค่อย ๆ รวบรวมหลักฐานเกี่ยวกับ “จักรวรรดิอาชญากร” ที่ควบคุมทั้งการขนยาเสพติด อาวุธ และการฟอกเงิน เขาพบว่าทุกเส้นทางเชื่อมโยงไปยังชายผู้ลึกลับที่คนเรียกว่า “ราชาแห่งเงามืด”
จุดหักเหใหญ่เกิดขึ้นเมื่อซูริถูกเชิญเข้าร่วมงานเลี้ยงของกลุ่มมาเฟียระดับสูง ภาพยนตร์ใช้ฉากคฤหาสน์ริมทะเลที่หรูหรา ตัดกับความสกปรกของตลาดมืดที่เราเห็นมาก่อนหน้านี้ ที่งานเลี้ยงนั้นเขาได้พบกับผู้นำขององค์กรศิวะ พี่ชายที่เขาเคยรักและเคยทะเลาะจนต้องแยกจากครอบครัวไปตั้งแต่ยังวัยรุ่น ทั้งคู่มีฉากเผชิญหน้าที่ทรงพลัง ศิวะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “โลกนี้ไม่ใช่ของคนที่ซื่อสัตย์ แต่มันเป็นของคนที่รู้จักครองอำนาจ”ซูริแทบจะเก็บอารมณ์ไม่อยู่ แต่ต้องแสร้งทำเป็นลูกน้องคนใหม่ที่เพิ่งเข้ามาในแก๊ง ผู้ชมถูกโยนเข้าสู่ความขัดแย้งในทันที เพราะนี่ไม่ใช่ศัตรูทั่วไป แต่คือสายเลือดเดียวกัน
หลังจากนั้นเรื่องราวตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆ ซูริยังคงปฏิบัติภารกิจต่อไป ขณะเดียวกันก็ต้องต่อสู้กับความรู้สึกขัดแย้งในใจ ระหว่างหน้าที่ที่ต้องโค่นพี่ชาย กับสายสัมพันธ์ที่ยังฝังลึกอยู่ในหัวใจ หนังใช้ “แฟลชแบ็ก” เล่าย้อนถึงวัยเด็กของทั้งคู่ในอินเดีย—บ้านยากจน แม่ที่เลี้ยงเดี่ยว พ่อที่หายไป พวกเขาเคยสัญญาว่าจะไม่ทิ้งกัน แต่เหตุการณ์ร้ายแรงบางอย่างทำให้เส้นทางของพวกเขาแตกต่าง ซูริเลือกเดินทางกฎหมายกลายเป็นตำรวจ ศิวะถูกดึงเข้าสู่โลกมืดจนกลายเป็นผู้บงการ ฉากเหล่านี้สร้างมิติทางอารมณ์ทำให้ผู้ชมเข้าใจว่าเหตุใดทั้งคู่ถึงเลือกเส้นทางที่ต่างกัน
เมื่อปฏิบัติการใกล้จะสำเร็จ ซูริเปิดโปงแผนการลักลอบขนอาวุธครั้งใหญ่ที่อาจก่อให้เกิดสงครามกลางเมืองในศรีลังกา เขาแจ้งหน่วยพิเศษให้เข้ามาปิดล้อม แต่ศิวะรู้ตัวทัน และใช้กำลังคนมหาศาลตอบโต้ เกิดเป็นฉากแอ็กชันไล่ล่ากลางเมืองท่าระเบิด เสียงปืน การต่อสู้ประชิดตัวแบบ hand-to-hand combat ที่เป็นจุดขายของหนังอินเดียยุคใหม่ ท้ายที่สุดทั้งคู่ถูกบังคับให้ปะทะกันตัวต่อตัวบนสะพานเหล็กกลางท่าเรือ ฉากนี้ถ่ายทำอย่างยิ่งใหญ่ ใช้ภาพสโลว์โมชั่นและดนตรีอินเดียผสมเครื่องสายตะวันตก เสริมความดราม่าให้ถึงขีดสุด
รูปแบบสไตล์หนังเรื่อง Kingdom 2025 คิงดอม
สไตล์หนังเรื่อง Kingdom 2025 คิงดอมใช้โทนภาพมืด มีเงาและแสงไฟนีออน เน้นความลึกลับของเมือง มีความเป็นหนังสืบสวนแบบนัวร์ แต่พัฒนาสู่แอ็กชันที่เข้มข้น มีฉากเต้นและดนตรีประกอบที่ใช้ท่วงทำนองอินเดียผสมตะวันตก ทำให้หนังยิ่งใหญ่และเข้าถึงผู้ชมวงกว้าง การถ่ายทำใช้กล้องแพนยาว ฉากสโลว์โมชั่นต่อสู้แบบ stylized action หนังไม่ได้ขายแค่ความมันส์ แต่ยังถามคำถามทางศีลธรรม “เลือดเนื้อกับหน้าที่ อะไรสำคัญกว่า”
สรุปรีวิวหนังเรื่อง Kingdom 2025 คิงดอม
“Kingdom 2025” ไม่ได้เป็นเพียงหนังแอ็กชันปราบแก๊งอาชญากรธรรมดา แต่คือการเดินทางที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งระหว่างความรักในครอบครัว และหน้าที่ต่อแผ่นดิน หนังเล่าอย่างเข้มข้น อัดแน่นด้วยฉากแอ็กชันระดับใหญ่ แต่ยังไม่ทิ้งดราม่าที่ตรึงหัวใจ นี่คือผลงานที่สะท้อนถึงความยิ่งใหญ่ของวงการหนังอินเดียยุคใหม่ ที่พร้อมแข่งขันกับตลาดโลก และวางรากฐานให้ “Kingdom” อาจกลายเป็นจักรวาลภาพยนตร์ชุดใหม่ในอนาคต